วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

Welcome To ยูโร 2016รอบเลือกสรรพร้อมทั้งวิเคราะห์บอลการเจอะเจอกันของแต่ละหมู่

Welcome To ยูโร 2016

เวลคัม

ซึ่งหลังจากผ่านเวิลด์คัพ 2014 ไปได้ 2 นิศานาถเศษ ๆ ก็ได้หนสำหรับมหกรรมฟาดแข้งทัวร์นาเมนท์รอง น้อง ๆ เวิลด์คัพ จะได้ฤกษ์ระเบิดขึ้น นั่นก็คือศึกลูกหนังชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 15 หรือศึก ยูโร 2016

โดยในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งวัฏสงสารยุโรป ครั้งนี้ ประเทศฝรั่งเศส อดีตแชมป์ 2 สมัย รับรับอาสาเป็นเจ้าภาพจัดการรบรอบสุดท้าย ระหว่างวันที่ 10 มิถุนายน ถึง 10 กรกฎาคม 2016


ซึ่งทางครั้งนี้ เจ้าภาพ ได้เตรียมสนามลองเชิงขยายไปทั่วแผ่นดินฝรั่งเศส เจือปนแล้ว 10 เมือง อันได้แก่ 


  1. กรุงปารีส 
  2. แซ็งต์ เดนิส 
  3. ล็องส์ 
  4. ลีลล์ 
  5. แซ็งต์ เอเตียน 
  6. ลียง 
  7. บอร์กโดซ์  
  8. ตูลูส 
  9. มาร์กเซย 
  10. นีซ


และลองมาวิเคราะห์บอลในการสู้รบยูโร 2016 ยังถือเป็นครั้งแรก ที่รอบสุดท้าย จะมีถึง 24 ชาติ เข้าประสานโรมรันพันตู จากที่งานแข่งขันในหนแรก ที่ฝรั่งเศส เมื่อปี 1960 รอบมากท้ายมีแค่ 4 ทีม ก่อนที่จะขยับเพิ่มเป็น 8 ทีม ในปี 1980 ที่อิตาลี กับเพิ่มมาเป็น16 ทีม นับตั้งแต่ยูโร 1996 ที่ประเทศอังกฤษ จนจนกว่ามาเป็น 24 ทีมในครั้งนี้






โดยที่ในรอบคัดเลือกคัด ทั้ง 53 ชาติคนของยูฟ่า ยกละเว้นเจ้าภาพ ฝรั่งเศส จะต้องมายอมฟาดแข้งแบบแปลนแบ่งกลุ่ม โดยรอบคัดเลือก จะแบ่งการแข่งขันออกเป็น 9 กลุ่ม ๆ ละ 5 หรือ 6 ชาติ ลงเตะแบบพบกันหมดเหย้า-เยือน เพราะมีโปรแกรมการลงเตะที่ชัดเจนดังนี้



  • 1 : ชิงระหว่างวันที่ 7 - 9 เดือนกันยายน 2014
  • 2 : ประกวดระหว่างวันที่ 9 -11 เดือนตุลาคม 2014
  • 3 : ประกวดระหว่างวันที่ 12 - 14 เดือนตุลาคม 2014
  • 4 : ชิงระหว่างวันที่ 14 - 16 เดือนพฤศจิกายน 2014
  • 5 : ประกวดประขันระหว่างวันที่ 27 - 29 เดือนมีนาคม 2015
  • 6 : ชิงระหว่างวันที่ 12 - 14 เดือนมิถุนายน 2015
  • 7 : ประกวดประขันระหว่างวันที่ 3 - 5 เดือนกันยายน 2015
  • 8 : ประกวดระหว่างวันที่ 6 - 8 เดือนกันยายน 2015
  • 9 : แข่งระหว่างวันที่ 8 - 10 เดือนกันยายน 2015
  • 10 : ประกวดประขันระหว่างวันที่ 11 - 13 เดือนตุลาคม 2015

ซึ่ง แชมป์กลุ่ม พร้อมด้วยรองแชมป์กลุ่ม จะได้มาถึงรอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติ รวม 9 กลุ่ม 18 ทีม 

เพราะว่าที่ทีมอันดับที่ 3 ดีที่สุด จะได้เข้ารอบไปอีก 1 ทีม ส่วนทีมระดับที่ 3 ของอีก 8 กลุ่มที่เหลือ จะจับสลากยาเตะเพลย์ออฟแบบ เหย้า-เยือน หาอีก 4 ทีมก็จะได้ทีมจากรอบคัดเลือกรวมทั้งสิ้น 23 ทีม เข้าไปรวมกับเจ้าภาพฝรั่งเศส เป็น 24 ทีม




สำหรับรอบเพลย์ออฟ ระหว่าง ทีมวรรณะ 3 รวมทีม 4 คู่ จะมีคัดลอกเตะนัดแรก วันที่ 12-13-14 พฤศจิกายน 2015 , นัดที่สอง เตะระหว่างวันที่ 15-16-17 พฤศจิกายน 2015


และสำหรับการรอบแบ่งกลุ่ม ทั้ง 9 กลุ่ม มีชาติใดกันบ้าง เชื่อว่า หลาย ๆ ท่านอาจจะยังไม่รับทราบ หรือเคยทราบ ก็อาจจักลืมไป เพราะฉะนั้นไปติดตามกันได้เลย



  1. กลุ่ม เอ : ทีมประชาชาติสาธารณรัฐเช็ก , ทีมชาติไอซ์แลนด์ , ทีมชาติคาซักสถาน , ทีมชาติลัตเวีย , ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ และ ทีมชาติตุรกี
  2. กลุ่ม บี : ทีมชาติอันดอร์ร่า , ทีมชาติเบลเยียม , ทีมชาติบอสเนีย , ทีมชาติไซปรัส , ทีมชาติอิสราเอล และ ทีมชาติเวลส์
  3. กลุ่ม ซี : ทีมชาติเบลารุส , ทีมชาติมาซิโดเนีย , ทีมชาติลักเซมเบิร์ก , ทีมชาติ โลวะเกีย , ทีมชาติ เปน และ ทีมชาติยูเครน
  4. กลุ่ม ดี : ทีมชาติจอร์เจีย , ทีมชาติ ยอรมนี , ทีมชาติยิบรอลตาร์ , ทีมชาติ ปแลนด์ , ทีมชาติสาธารณรัฐไอร์แลนด์ และ ทีมชาติสกอตแลนด์
  5. กลุ่ม อี : ทีมชาติอังกฤษ , ทีมชาติเอสโตเนีย , ทีมชาติลิธัวเนีย , ทีมชาติซาน มารีโน่ , ทีมชาติสโลวีเนีย และ ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์
  6. กลุ่ม เอฟ : ทีมชาติหมู่เกาะแฟโร , ทีมชาติฟินแลนด์ , ทีมชาติกรีซ , ทีมชาติฮังการี , ทีมชาติไอร์แลนด์เหนือ และ ทีมชาติโรมาเนีย
  7. กลุ่ม จี : ทีมชาติออสเตรีย , ทีมชาติมอนเตเนโกร , ทีมชาติลิกเตนสไตน์ , ทีมชาติมอลโดวา , ทีมชาติรัสเซีย และ ทีมชาติสวีเดน
  8. กลุ่ม เอช : ทีมชาติอาเซอร์ไบจาน , ทีมชาติบัลแกเรีย , ทีมประชาชาติโครเอเชีย , ทีมชาติอิตาลี , ทีมชาติมอลตา และ ทีมชาตินอร์เวย์
  9. กลุ่ม ไอ : ทีมชาติแอลเบเนีย , ทีมชาติอาร์มีเนีย , ทีมชาติเดนมาร์ก , ทีมชาติโปรตุเกส และ ทีมชาติบ้านเมืองเซอร์เบีย





กับถ้าดูจากการสอดกลุ่ม พร้อมทั้งรูปแบบของการเฟ้นหาทีมเข้ารอบสุดด้านหลังแล้ว เชื่อขนมกินล่วงหน้าก่อนได้เลยว่า บรรดาชาติใหญ่ ๆ ทั้งหลาย ไม่น่าจะมีใคร พ้นวงตะเวนตั้งแต่รอบคัดออกเสียงอย่างแน่นอน


เพราะแฟน ๆ ทีมใด ก็รอติดตามลุ้นทีมตัวเองกันได้เลยครับ




เมื่อความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี

ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี!


ข้อความสำคัญนี้ผมกล้าพูดได้เลยว่าถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่มีการข่าวผลรางวัลที่มีคนแหลมทองเป็นหนึ่งในแคนดิเดต โดยยึดคะแนนจากการโหวตในอินเทอร์เน็ต คนไทยคนนั้นมีเวลาสูงมากที่จะเอาชนะเลิศ เนื่องจากเรื่องนี้คนไทยไม่เล็กน้อยหน้าชาติใดในโลกเลย


โดยที่เพรงหน้านี้ตารางแข่งบอลเคยมีแบบอย่างให้เห็นมาแล้ว กรณีที่ มุ้ย หรือ ธีรศิลป์ แดงดา และ อุ้ม หรือ ธีราทร บุญมาทัน ได้รับการลงคะแนนเสียงให้ติดทีมยอดไปพบของเอเชีย ในเว็บไซต์ โกล ดอท คอม


รวมหมดยังรวมไปถึง น้องเมย์ หรือว่า รัชนก อินทนนท์ นักแบดมินตันมือ 1 ของไทย คว้ารางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมเอเชีย จากการจัดเพราะสำนักข่าว ฟ็อกซ์ สปอร์ต ซึ่งแต้มโหวตเกือบทั้งชิ่น แทบไม่ต้องสืบเลยว่ามาจากประชาชนคนไทยเราๆ นี่แหละ


พร้อมกับล่าสุดมีอีกหนึ่งปรากฎการณ์ใหม่ ที่ชาวไซเบอร์ของไทยระดมพลกันเข้าไปกดไลค์แฟนเพจสโมสร ทีมอูเด อัลเมเรีย แห่งศึกลา ลีกา สเปน ต้นสังกัดปัจจุบันของ เจ้ามุ้ย ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าทีมชาติไทย จากเริ่มต้นก่อนที่ มุ้ย จะย้ายไปร่วมทีม มียอดเยี่ยมกดไลค์เพียงเพียง 7000 กว่าครั้ง


แต่ในยุคปัจจุบันยอดพุ่งกระฉูดขึ้นมาเป็น 3 แสนกว่าครั้ง มากขึ้นกระทั่งเดิม 50 เท่า ดูแล้วก็น่าจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับที่สังสรรค์เล็ก ๆ แดนกระทิงดุ ที่ก่อนกำหนดหน้านี้เพื่อนชายเพจสโมสรไม่ส่งเสียงเป็นเป่าสาก มาถึงตอนนี้กระแสดีขึ้นส่วนหลังเท้าเป็นหน้ามือ


โดยเคลื่อนการที่ได้สังเกตุ ร้อยละ 90 ของมานพที่เข้าไปคอมเม้นต์และกดไลค์เป็นคนไทย แถมยังใช้ภาษาไทยในการแสดงความเห็น จนอดคิดไม่ได้ว่า พวกคนประเทศสเปนเขามาเห็นแล้วจะรู้สึกอย่างไร


ซึ่งถ้าลองคิดแบบใจเขาใจเรา ยกตัวอย่างเช่นหากสโมสรในไทยลีกยกตัวอย่างเช่นทีม ชัยนาท เอฟซี ไปเซ็นคว้าตัวนักเตะซูเปอร์สตาร์ของทีมชาติวานูอาตู มาร่วมทีม แล้วมีชาววานูอาตู ระดมกันเข้ามาพูดโวในแฟนเพจของสโมสรด้วยภาษาท้องถิ่นเต็มหน้าเพจละลานตาไปหมด เราคนไทยอ่านแล้วไม่เข้าใจว่า พวกนี้มันคุยอะไรกัน แล้วเราจะรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจบ้างหรือเปล่า คือไม่รู้สิ ถ้าเป็นผม ผมรำคาญนะ


แต่ในจุดนี้ยังไม่เท่าไหร่ เพราะหากมองในแง่ดี คิดในเรื่องการท้องตลาด ถือเป็นส่วนดีที่แฟนเพจของทีมเรา มีผู้เข้ามาเยี่ยมเยียนชมมีความนิยมมากขึ้น คงจะมีบ้างที่รู้สึกรำคาญ ผมเองเริ่มเห็นบางคอมเม้นต์ขนมจากคนสเปน ที่รำพึงรำพันด้วยถ้อยคำจิกกัดแรงๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมเกรียนแตก เข้าไปหมายแสนยานุภาพ แบบไม่มีมารยาทและรู้จักกาลเทศะของชาวเน็ทไทยบางส่วนบ้างแล้ว


ในข้อความย่อยนี้ไม่ว่าแอดมินจะโพสต์สถานะเรื่องอะไรก็ตาม คอมเม้นต์ของคนไทยก็มีแต่เรื่องของ เอล แดงดา เต็มไปหมด ทั้งๆ ที่เรื่องที่โพสต์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจ้าตัวเลยสักนิด ข่าวของนักเตะภายในกลุ่มคนอื่นๆ เรื่องการเสริมทัพ หรือหายกลับมาจากท่วงทีบาดเจ็บ แม้กระทั่ง
  • ประกาศของทีมเยาวชน
  • ข่าวสารทีมแบดมินตัน 
  • ประกาศกิจกรรมช่วยเหลือการกุศล 
ซึ่งคนไทยก็เข้าไปโพสต์ประมาณว่าไอ้นี่มันไม่ได้เรื่อง สู้  TD18 ไม่ได้ ต้องส่งมุ้ยลงสนามเท่านั้น คนแหลมทองรอดูมุ้ยอยู่นะเฟ้ย ถ้าไม่เอามุ้ยลงจะเลิกเชียร์เลยคอยดู บลา ๆ ๆ

กับยิ่งหลังจากเกม 2 นัดที่ผ่านมา ที่มุ้ยได้ลงสนามหญ้าเป็นตัวสำรองในช่วงท้ายเกม ที่เสมอกับ เอสปันญอล 1-1 และ แพ้ เคตาเฟ่ 0-1 มีลูกเพจชาวไทยเข้าไปกระหน่ำด่าหน้าแข้งผิวสี ทั้ง โจนาธาน ซองโก้ และ ติเอวี่ บิฟูม่า อย่างสาดเสียเทเสีย ว่า

  • เล่นบอลชมแก่ตัว
  • หวงฟุตบอล
  • ขี้เลี้ยง
  • ไม่ยินยอมให้จ่ายบอลให้มุ้ย 
ซึ่งถึงแม้ว่าผมเองจะเห็นด้วยเป็นประเด็นใหญ่ก็เถอะ แม้ว่าก็ยังอดคิดไม่ได้อีกเสมอเหมือนกันว่า แล้วอย่างนี้เพื่อนคลุกทีมเขาจะไม่เกลียดมุ้ยไปกันใหญ่รึไง โดยเพ่งตรงพวกนักเตะที่กระทบคนไทยด่า ถ้าครอบครองพวกจิตใจเล็กหน่อยคงยิ่งไม่รักใคร่หน้ามุ้ยไปกันใหญ่

ทะลุมาในระยะเวลาแรกๆ ผมมาถึงเพจอัลเมเรีย เพื่อใฝ่อ่านความเห็นของชาวต่างชาติ ว่าเขาคิดกับนักเตะของเราอย่างไร มองเป็นเรื่องการตลาดหรือเพราะฝีเท้า และพอใจผลงานหรือไม่ แต่ยิ่งนานเข้า ก็ยิ่งมีแต่คอมเม้นต์ภาษาไทยเต็มไปเกลี้ยง


ซึ่งหลังๆ เลยเข้าไปเท่าอ่านข่าวเท่านั้น ก็เพราะว่าแทบไม่ได้ประโยชน์อะไรล่วงในการอ่านความคิดเห็นเกรียนๆบางครั้งพวกนี้ทำให้ผมนึกถึงพวกที่พอใจโพสต์ฝากร้าน คือมันไม่ได้อ่านหรอกว่าเขาคุยอะไรกันอยู่ กรูแค่อยากจะขอฝากร้าน มีอะไรมั้ย


พร้อมด้วยที่หนักข้อไปกันเลิศก็คือ แฟนบอลไทยลีกบางสโมสรเข้าไปปะทะกันด่ากันในแฟนเพจอัลเมเรีย ถามหน่อยเถอะว่าคิดได้ยังไง การกระทำแบบนี้ล่ะชาวต่างชาติเขาถึงยังมองคนไทยว่าลดลงการศึกษา ไม่ใส่รองเท้า และขี่ช้างไปเรียนหนังสืออยู่


ซึ่งนี่ไม่พิกลเลยที่ทุกคนเอาใจช่วยมุ้ย อยากให้มุ้ยประสบความสำเร็จ ในฐานะผู้แทนของประเทศชาติ ผมเองก็เช่นกัน แต่อยากขอให้ทำแค่พอดีๆ นึกถึงความเดือดเนื้อร้อนใจที่มุ้ยอาจจะได้รับผลประกบกันบ้าง


โปร่งคำพูดที่น่าจะควบคุมความได้ดีที่สุดก็คงเป็นคำว่า ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี ยังไงก็ขอวานด้วยนะครับ







เมื่อโพลเผยว่า ราฟาโกยค่าจ้างมากสุดลีกกัลโช่

โพลเผย!

ตราบใดทาง กัซเซ็ตต้า เดลโล่ สปอร์ต แบโพล เผยว่า ราฟาเอล เบนิเตซ ได้รับค่าเหนื่อยมากสุดลีก กัลโช่ เซเรียอา อิตาลี 157.5 ล้านบ. ต่อปี ทว่ามากสุดใน อิตาลี ตกว่า นายอันโตนิโอ คอนเต้หรือว่าประมาณ 167.25 ล้านบ. ต่อปี

ซึ่งมารค กัซเซ็ตต้า เดลโล่ สปอร์ต ที่ทั้งเป็นสื่อกีฬาชื่อดังแดนมะกะโรนี ได้แสดงตัวโพลวิเคราะห์ผลบอลสำรวจค่าเหนื่อยของเหล่าบรรดากุนซือในลีก กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี โดยระบุว่า เทรนเนอร์ที่รับค่าว่าจ้างมากที่สุดในฤดูกาล 2014-15 นั้นได้แก่ ราฟาเอล เบนิเตซ เฮดโค้ชมาดบ๋อยอ้วนของทีม นาโปลี ซึ่งสมัยปัจจุบันรับอยู่ที่ 3.5 ล้านยูโรหรือ 157.5 ล้านบาท ต่อปี


ในส่วนของระดับ 2-3 นั้นได้แก่ 


  • วอลเตอร์ มาซซาร์รี่ ของทีม อินเตอร์ มิลาน 3.3 ล้านยูโรหรือ 148.5 ล้านบาท ต่อปี 
  • รูดี้ การ์เซีย ของทีม อาแอส โรม่า 2.8 ล้านยูโรหรือ 126 ล้านบาท ต่อปี 


และในขณะที่ 2 กุนซือที่พึ่งได้งานใหม่อย่าง 

  • มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี ข้าวของทีม ยูเวนตุส โดยรับอยู่ที่ 2.4 ล้านยูโรหรือ 108 ล้านบาท ต่อปี
  • ฟิลิปโป้ อินซากี้ ของทีม เอซี มิลาน 1.5 ล้านยูโรหรือ 67.5 ล้านบาท ต่อปีตามลำดับ


พร้อมกับสำหรับกุนซือที่ได้คล้องค่าจ้างประจำปีน้อยที่สุด คือ 


  • เมาริซิโอ ซาร์รี่ ของทีม เอ็มโปลี ซึ่งรับอยู่แค่ 300,000 ยูโรหรือ 13.5 ล้านบาท ต่อปีขนาดนั้น 


ในมุมมองของ อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือทีมชาติ อิตาลี นั้น ได้รับ 3.65 ล้านยูโรเหรอ 164.25 ล้านบาท ต่อปี ซึ่งมากที่สุดในแดนมะกะโรนี

หน่วยค่าเงิน 1 ยูโร = 45 บาท


รายชื่อ20 สิ่งดับกุนซือที่ได้ค่าจ้างมากที่สุดใน อิตาลี



  1. ราฟาเอล เบนิเตซ - ทีมนาโปลี ได้ค่าจ้าง 3.5 ล้านยูโร
  2. วอลเตอร์ มาซซาร์รี่ - ทีมอินเตอร์ มิลาน ได้ค่าจ้าง 3.3 ล้านยูโร
  3. รูดี้ การ์เซีย - ทีมโรม่า  ได้ค่าจ้าง 2.8 ล้านยูโร
  4. มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี - ทีมยูเวนตุส ได้ค่าจ้าง 2.4 ล้านยูโร
  5. ฟิลิปโป้ อินซากี้ - ทีมเอซี มิลาน ได้ค่าจ้าง 1.5 ล้านยูโร
  6. วินเซนโซ่ มอนเตลล่า - ทีมฟิออเรนติน่า ได้ค่าจ้าง 1.4 ล้านยูโร
  7. ซินิซ่า มิไฮโลวิช - ทีมซามพ์โดเรีย ได้ค่าจ้าง 1.2 ล้านยูโร
  8. สเตฟาโน่ โคลันตูโอโน่ - ทีมอตาลันต้า ได้ค่าจ้าง 900,000 ยูโร
  9. จานปิเอโร่ กาสเปรินี่ - ทีมเจนัว ได้ค่าจ้าง 800,000 ยูโร
  10. จามปิเอโร่ เวนตูร่า - ทีมโตริโน่ ได้ค่าจ้าง 800,000 ยูโร
  11. อันเดรีย สตรามัชโชนี่ - ทีมอูดิเนเซ่ ได้ค่าจ้าง 800,000 ยูโร
  12. เบ็ปเป้ ยาคินี่ - ทีมปาแลร์โม่ ได้ค่าจ้าง 700,000 ยูโร
  13. โรแบร์โต้ โดนาโดนี่ - ทีมปาร์ม่า ได้ค่าจ้าง 700,000 ยูโร
  14. ยูเซบิโอ ดิ ฟรานเชสโก้ - ทีมซาสซูโอโล่ ได้ค่าจ้าง 700,000 ยูโร
  15. อันเดรีย มันดอร์ลินี่ - ทีมเฮลลาส เวโรน่า ได้ค่าจ้าง 650,000 ยูโร
  16. สเตฟาโน่ ปิโอลี่ - ทีมลาซิโอ ได้ค่าจ้าง 600,000 ยูโร
  17. ซเดเน็ก ซีแมน - ทีมกายารี่ ได้ค่าจ้าง 500,000 ยูโร
  18. ปิแอร์เปาโล บิโซลี่ - ทีมเชเซน่า ได้ค่าจ้าง 400,000 ยูโร
  19. ยูเจนิโอ คอรินี่ - ทีมคิเอโว่ ได้ค่าจ้าง 400,000 ยูโร
  20. เมาริซิโอ ซาร์รี่ - ทีมเอ็มโปลี ได้ค่าจ้าง 300,000 ยูโร

ขอบใจเนื้อหาข่าวจาก >>>>> http://footballclubpza.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น